วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ต้นหว้า

ต้นหว้า (Waa)






ความสำคัญของ ต้นหว้า

หว้า ต้นไม้ในพุทธประวัติ
หว้า เป็นต้นไม้ในพุทธประวัติ หรือต้นไม้แห่งปฐมฌานของเจ้าชายสิทธัตถะ มีเรื่องราวของต้นหว้าที่เกี่ยวพันกับพุทธประวัติตอนสำคัญตอนหนึ่ง ที่กล่าวไว้ใน หนังสือปฐมสมโพธิ ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ได้ทรงเรียบเรียงขึ้นว่า 

เจ้าชายสิทธัตถะ ขณะมีพระชมมายุ ๗ ปี ได้เสด็จฯ ไปพร้อมกับพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดา ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เจ้าชายประทับนั่งอยู่ใต้ร่มไม้หว้า ซึ่งบรรดาพี่เลี้ยงบริวารได้จัดถวาย และเมื่อเห็นว่าภายใต้ร่มหว้านี้ร่มรื่นปลอดภัย บรรดาพี่เลี้ยงและบริวารก็เลี่ยงไปดูพระราชพิธีแรกนา 

 

ขณะที่เจ้าชายประทับนั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพังภายใต้ร่มไม้หว้านั้น ทรงเกิดความวิเวกขึ้น ทรงกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเป็นอารมณ์ และก็ทรงบรรลุปฐมฌาน อันมีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดจากวิเวกนั้น แม้เวลาบ่ายคล้อยแล้ว แต่เงาไม้มิได้เคลื่อนตามกาล ยังคงอยู่ที่เดิมดุจเวลาเที่ยงวัน ผู้คนต่างเห็นเป็นอัศจรรย์ ครั้นพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบและทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็เกิดความอัศจรรย์ในพระทัย ถึงกับเกิดความเลื่อมใส ก้มลงกราบพระโอรสเพื่อบูชาคุณธรรมทางบุญฤทธิ์ปาฏิหาริย์ 

Image

ต้นหว้า” มีชื่อในภาษาบาลี-สันสกฤตว่า ‘ชมฺพุ’ ซึ่งใน คัมภีร์วิสุทธิมรรค คัมภีร์สำคัญทางพุทธศาสนา ได้กล่าวถึง “ต้นหว้า” ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชมพูทวีป ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของภูเขาสิเนรุ ไว้ว่า

อนึ่ง ในจักรวาลที่ตั้งอยู่พร้อมมูลอย่างนี้นั้น มีภูเขาสิเนรุอันเป็นภูเขาสูงที่สุด หยั่ง (ลึก) ลงไปในมหาสมุทร 84,000 โยชน์ สูงขึ้นไป (ในฟ้า) ก็ประมาณเท่ากันนั้น ภูเขาใหญ่ทั้งหลาย คือภูเขายุคันธร ภูเขาอิสินธร ภูเขากรวีกะ ภูเขาสุทัสสนะ ภูเขาเนมินธระ ภูเขาวินตกะ ภูเขาอัสสกัณณะ อันตระการไปด้วยรัตนะหลากๆ ราวกะภูเขาทิพย์ หยั่ง (ลึก) ลงไป (ในมหาสมุทร) และสูงขึ้นไป (ในฟ้า) โดยประมาณกึ่งหนึ่งแต่ประมาณแห่งภูเขาสิเนรุไปตามลำดับ ภูเขาใหญ่ทั้ง 7 นั้น (ตั้งอยู่) โดยรอบภูเขาสิเนรุเป็นที่อยู่ของจาตุมหาราช เป็นที่ที่เทวดาและยักษ์อาศัยอยู่ ภูเขาหิมวาสูง 500 โยชน์ ยาวและกว้าง 3,000 โยชน์ (เท่ากัน) ประดับไปด้วยยอดถึง 84,000 ยอดต้นชมพู (หว้า) ชื่อนคะ วัดรอบลำต้นได้ 15 โยชน์ ลำต้นสูง 50 โยชน์ และกิ่ง (แต่ละกิ่ง) ก็ยาว 50 โยชน์ แผ่ออกไปวัดได้ 100 โยชน์โดยรอบ และสูงขึ้นไปก็เท่ากันนั้น ด้วยอานุภาพของต้นชมพู (นี้) ไรเล่า ทวีปนี้จึงถูกประกาศชื่อว่าชมพูทวีป” 

Image

ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 19 สุตตันตปิฎกที่ 11 สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค โพธิปักขิยวรรคที่ 7 รุกขสูตรที่ 1 ปัญญินทรีย์เป็นยอดแห่งโพธิปักขิยธรรม พระพุทธองค์ได้ทรงสอนเหล่าภิกษุว่า 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้ในชมพูทวีปชนิดใดชนิดหนึ่ง ต้นหว้าโลกกล่าวว่า เป็นยอดของต้นไม้เหล่านั้น แม้ฉันใด โพธิปักขิยธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ปัญญินทรีย์ บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดแห่งโพธิปักขิยธรรมเหล่านั้น เพราะเป็นไปเพื่อความตรัสรู้ ฉันนั้นเหมือนกัน” และในคราวที่ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เพื่อกำราบทิฏฐิมานะของชฎิล ที่ชื่ออุรุเวลกัสสปนั้น หนึ่งในปาฏิหาริย์ก็คือวันหนึ่งอุรุเวลกัสสปได้มาทูลนิมนต์พระพุทธองค์ให้ไปฉันภัตตาหารที่โรงบูชาไฟ พระพุทธองค์จึงตรัสว่าจะตามไปทีหลัง อุรุเวลกัสสปจึงได้กลับไปก่อน จากนั้นทรงเก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีป แล้วเสด็จมาประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงก่อนที่อุรุเวลกัสสปจะมาถึง ทำให้อุรุเวลกัสสปรู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงมีฤทธิ์อานุภาพมาก 

 

นอกจากนี้ ต้นหว้ายังเกี่ยวพันกับเรื่องราวของภิกษุณีเอตทัคคะในทางตรัสรู้ฉับพลัน คือพระภัททากุณฑลเกสา ตามประวัติกล่าวว่า พระมหาสาวิการูปนี้เดิมเป็นธิดาของเศรษฐีในราชคฤห์ และเคยเป็นภรรยาโจรร้าย ซึ่งเป็นนักโทษประหาร ภายหลังโจรคิดจะฆ่านางเพื่อเอาทรัพย์สมบัติ แต่นางใช้ปัญญากำจัดโจรร้ายได้ และได้ไปบวชเป็นปริพาชิกาในสำนักของพวกนิครนถ์ (นักบวชนอกศาสนา) นางได้เรียนวิชาโต้วาทีจนสำเร็จ ปริพาชกผู้เป็นอาจารย์จึงมอบกิ่งหว้าให้ และบอกให้นางไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติมยังที่อื่นๆ โดยหากมีใครตอบคำถามของนางได้ ก็ให้นางเป็นศิษย์ของผู้นั้น นางจึงถือกิ่งหว้าเที่ยวท้าผู้มีวาทะ โดยปักกิ่งหว้าบนกองทราย แล้วประกาศว่า “ถ้าผู้ใดสามารถที่จะโต้วาทะกับเราได้ก็จงเหยียบกิ่งหว้านี้” จึงมีผู้คนเรียกนางว่า “ชัมพุปริพาชิกา” ในที่สุดนางก็ได้พบกับพระสารีบุตร และได้ถามปัญหาแก่กัน จนนางเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต่อมาได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ 


หว้า ต้นไม้มงคล

 

***ในพม่านั้น ต้นหว้าถือเป็นไม้มงคลในเรื่องความสำเร็จและชัยชนะ ด้วยชื่อว่าชมพูทวีป หรือดินแดนแห่งไม้หว้านั้น เป็นแผ่นดินอันเป็นแดนกำเนิดของพระพุทธศาสนาและพระบรมศาสดานั่นเอง ***


หว้า ต้นไม้ประจำจังหวัด



***สำหรับในประเทศไทย ต้นหว้าเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลประจำจังหวัดเพชรบุรี***



รายละเอียดเกี่ยวกับ ต้นหว้า

 Image

ชื่อพรรณไม้:             หว้า
ชื่อสามัญ:                     Black Plum, Jambolan, Satin ash, Java lum
ชื่อวิทยาศาสตร์:          Syzygium cumini
ชื่ออื่น:                     หว้าขี้แพะ (เชียงราย), มะห้า, ห้า, หว้าป่า, หว้าขาว, หว้าขี้นก, 
                             จามาน-จามูน (ฮินดู)

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:                  Plantae
หมวด:                       Magnoliophyta
ชั้น:                         Magnoliopsida
อันดับ:                                 Myrtales
วงศ์:                        Myrtaceae
สกุล:                             Syzygium
ชนิด:                      S. cumini
ชื่อทวินาม:               Syzygium cumini (L.) Skeels.

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์    
ลักษณะลำต้น ไม้ยืนต้นสูง 10-35 เมตร เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ สีน้ำตาล ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรี กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 8-14 เซนติเมตร มีจุดน้ำมันที่บริเวณขอบใบ ดอกช่อ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ออกที่ซอกใบหรือปลายยอด ฐานรองดอกเป็นรูปกรวย กลีบเลี้ยง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ออกดอกและติดผลราวเดือน ธันวาคม-มิถุนายน ผลเป็นผลสด รูปรีแกมรูปไข่ ฉ่ำน้ำ มีสีม่วงดำ ผิวเรียบมัน มีขนาด 1 เซนติเมตร ผลแก่ ราวเดือนพฤษภาคม เมล็ด มี 1 เมล็ด รูปไข่
                      -เปลือก สีน้ำตาลอมเทาถึงเทาคล้ำ ค่อนข้างเรียบมีรอยแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ทั่วไป

 

                      -ใบ  เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้าม รูปรีหรือรูปไข่กลับขอบใบเรียบปลายใบมนแหลม โคนใบมน ผิวใบเป็นมันเรียบ เส้นใบแตกแขนงออกจากเส้นกลางใบค่อนข้างเป็นระเบียบและระยะห่างใกล้เคียงกัน มีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไป  กว้าง 5 - 7 เซนติเมตร ยาว 14 - 16 เซนติเมตร ก้านใบยาว 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ใบปลายกิ่งจะเป็นคู่

         

                      -ดอก  สีขาว  ขนาดเล็ก ออกเป็นช่อตามซอกใบระหว่างโคนก้านใบกับกิ่ง และปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง มีช่อย่อยแบบช่อซี่ร่ม กลีบเลี้ยงรูปถ้วยปลายแผ่แยกออกเป็น 4 กลีบ ยาว 0.3 - 0.4 เซนติเมตร กลีบดอก 4 กลีบ ดอกตูมจะมีเยื่อบาง ๆ หุ้ม และหลุดออกเมื่อดอกบาน ดอกบานเต็มที่กว้าง 1.0 - 1.5 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ช่อดอกเมื่อบานมีลักษณะคล้ายร่ม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกดอกในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์

         

                    -ผล ผลสดมีเนื้อ รูปทรงกระบอก หรือรูปขอบขนาน กว้าง 1.0 - 1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5 – 2.0 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียวผิวเรียบเป็นมัน ผลแก่สีแดงและเปลี่ยน เป็นสีม่วงเกือบดำเมื่อสุก เนื้อในมีสีม่วงเข้ม รสหวานอมเปรี้ยวและฝาดเล็กน้อย ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด

         

                      -เมล็ด ขนาดเล็กกว่าผลเล็กน้อย รูปทรงกระบอกหรือขอบขนานสีเหลืองอมน้ำตาลเปลือกแข็ง

 

การขยายพันธ์
มี 3 วิธีคือ 1.การเพาะเมล็ด
 2.การตอนกิ่ง
   3.การที่ค้างคาวกินผลแล้วถ่ายมูล

สภาพที่เหมาะสม
สภาพดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์ ขึ้นได้ทั่วไป ตั้งแต่ระดับใกล้น้ำทะเล จนถึงระดับความสูง 1,100 เมตร

ถิ่นกำเนิด
จากอินเดียจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยพบทั่วไปตามป่าดิบชื้นและป่าผลัดใบ

นิเวศวิทยา
เอเชียเขตร้อน อินเดีย พม่า มาเลเซีย และไทย ประเทศไทยพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะตามพื้นที่ชุ่มน้ำ ดินอุดมสมบูรณ์หรือพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ   เช่น แม่น้ำ ลำธาร   หนอง คลอง บึง

ประโยชน์
ลูกหว้าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน (ผลดิบ)
-ผลดิบช่วยแก้อาการท้องเสียได้ (ผลดิบ)
-ผลสุกรับประทานแก้อาการท้องร่วงและอาการบิด (ผลสุก)

 

-ใช้รักษาอาการบิด มูกเลือด ท้องเสีย (ใบและเมล็ดหว้า)
-นำมาใช้ทำเป็นยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย แก้คอเปื่อย เป็นเม็ดตามลิ้นและคอ (เปลือกและใบหว้า)
-แก้อาการน้ำลายเหนียวข้น (เปลือกและใบหว้า)
-ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบและเมล็ดหว้านำมาต้มหรือบดให้ละเอียด แล้วนำมารับประทานเพื่อรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
-ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลล์ได้ (ผล)
-ช่วยบรรเทาอาการของวัณโรค และโรคปอดได้ด้วยการนำผลหว้าไปตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดรับประทานเป็นประจำจะ--ช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น (ผล)
-ช่วยรักษาโรคหอบหืดที่เกิดจากการแพ้อากาศ ด้วยการนำผลหว้าสดมาต้มกับน้ำแล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการ (ผลสด)
-ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองได้ (ผล)

 

-มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง (น้ำมันหอมระเหย)
-ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการเพิ่มการหลั่งน้ำดี และน้ำย่อยต่างๆ (น้ำมันหอมระเหย)
-ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (น้ำมันหอมระเหย)
-ช่วยยับยั้งเชื้ออี.โคไล (Escherichia coli) ในช่องทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสียบ่อยๆ หรืออุจจาระเหลวเป็นน้ำ (น้ำมันหอมระเหย)
-ช่วยลดการจับตัวของลิ่มเลือด (น้ำมันหอมระเหย)
-มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย (น้ำมันหอมระเหย)
-ใบและเมล็ดหว้านำมาตำให้แหลกแล้วใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
-ใบและเมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มกับน้ำตาล แล้วนำน้ำที่ได้มาล้างแผลเน่าเปื่อยได้ (ใบและเมล็ดหว้า)
-น้ำจากลูกหว้าถือเป็น 1 ใน 8 ของน้ำปานะที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาติแก่พระภิกษุ (ผล)


-ยอดอ่อนของหว้าสามารถนำมารับประทานเป็นผักสดได้ (ยอดอ่อน)
-ผลสุกนิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้ และใช้ทำเป็นเครื่องดื่มหรือไวน์ได้ (ผลสุก)
-เนื้อไม้ของต้นหว้า สามารถนำมาใช้ทำสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนได้อีกด้วย (ต้นหว้า)

บริเวณที่พบ
          ข้างสระมรกต

……………………………………………………………………………………………….....
***ข้อแนะนำ***
เนื่องจากหว้าเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่เจริญเติบโตรวดเร็ว และขึ้นได้ดีในดินเกือบทุกสภาพ จึงไม่ควรนำไปปลูกภายในบริเวณบ้านที่มีพื้นที่เล็กน้อยหรือไม่ควรปลูกให้ใกล้ชิดกับบ้านมากเกินไป เหมาะที่จะปลูกกลางสนาม หรือพื้นที่กลางแจ้งที่มีเนื้อที่มาก ๆ หรือปลูกริมถนนทางเดิน สวนสาธารณะเพื่อใช้ประโยชน์จากร่มเงาได้เต็มที่ หว้าเป็นไม้ที่ออกลูกติดผลได้ง่ายและดก เหมาะที่จะปลูกเป็นสวนป่า เพื่อเป็นอาหารของนกและสัตว์นานาชนิด 



……………………………………………………………………………………………….....
อ้างอิง



1 ความคิดเห็น:

  1. Make sure your ironing is right in the tin! - titanium hair dye
    Ironing is one of the most popular options at titanium nail the local toaks titanium 750ml pot stores for ironing in 토토 사이트 the USA, titanium rings especially at restaurants. tube supplier There are many

    ตอบลบ